วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ประมูล 3 G หรือ แบ่งกันกิน

กรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

             ได้จัดให้มีการประมูลใบอนุญาต 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จำนวน 45 เมกะเฮิรตซ์ ขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ 2555 นั้น  ข้าใจการประมูล 3G ครั้งนี้อย่างง่ายๆ ดังนี้

             1)ประชาชนเป็นเจ้าของทรัพยากรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทร     
                คมนาคมตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
             2)กสทช. มีหน้าที่ กำกับดูแล เพื่อให้ผลประโยชน์ของการใช้คลื่นความถี่
                ตกแก่ประชาชนเท่านั้น กสทช. ไม่ได้เป็นเจ้าของคลื่นความถี่

นักวิชาการ นักกฎหมาย ประชาชนหลายส่วน (เช่น ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธาน TDRI) ได้ออกมาท้วงติงและแสดงความห่วงใย ว่าการประมูลครั้งนี้ กสทช. อาจออกหลักเกณฑ์การประมูลที่อาจเอื้อให้เกิดการฮั้วกันของเอกชน และไม่เกิดการแข่งขันกันจริงๆโดยเฉพาะ การไปกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลที่ 4,500 ล้าน ต่อ 5 เมกะเฮิรตซ์ โดยกำหนดราคาต่ำไปจากเดิมที่ กสทช. กำหนดไว้ที่ 6,440 ล้านบาท และเปลี่ยนรูปแบบโดยการปรับหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ ให้เอกชนประมูลได้รายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ เท่ากัน อาจทำให้เอกชนทั้ง 3 ราย (Ais, Dtac, True Move) สามารถได้รับการประมูลโดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันประมูลแต่อย่างใดในทางปฏิบัติ ซึ่งขัดกับหลักการประมูลที่แท้จริง เพราะเท่ากับว่าการประมูลไม่ได้เกิดขึ้นจริง (เอกชนมีเพียงแค่ 3 ราย, ถ้ามีเกิน 4 รายก็ถือว่ามีการแข่งขันประมูลจริง)
ประเด็นที่ 1 การประมูลใบอนุญาต 3 จี ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จำนวน 45 เมกะเฮิรตซ์ นั้น กสทช.แบ่งเป็นก้อนละ 5 เมกะเฮิรตซ์ เป็นจำนวน 9 ก้อน แต่ละก้อนมีราคาประเมินอยู่ที่ก้อนละ 6,440 ล้านบาท,
ก่อนหน้านี้ เคยมีการเสนอให้มีการประมูลแบบ 4:3:2 ( นึกภาพออกรึเปล่าคะ ขอยกตัวอย่างนะคะ)

เช่นเปรียบ 3 จีคือก้อนเค้ก มีคนกินเค้กอยู่ 3 คน ถ้าเราตัดเค้กออกเป็น 3 ชิ้นเท่าๆกันก็จะไม่เกิดการแข่งขันถูกไหมคะ คน 3 คนก็แค่ต่อแถวซื้อเค้กแบบไม่ต้องรีบร้อน เพราะยังไงก็ได้เค้กเท่ากันอยู่ดี
แต่เรา เปลี่ยนจากตัดเค้กแต่ละชิ้นมาเป็นสัดส่วน ใหญ่ ลง มา เล็ก เช่น 4:3:2 ขายชิ้นใหญ่ชิ้นแรกก่อน ใครอยากทานก็จะเกิดการแข่งขันขึ้น เพราะชิ้นเค้กที่เหลือ เหลือน้อยเต็มที ถ้าไม่แข่งขันก็จะไม่ได้กิน
พอจะเข้าใจนะคะ 
เพื่อให้เอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้มากขึ้น การประมูลในราคาที่สูงขึ้นไม่เกี่ยวกับการกำหนดราคาต่อผู้บริโภคแต่อย่างใด แต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในฐานะผู้เสียภาษี

แต่ต่อมา กสทช. เปลี่ยนรูปแบบโดยการปรับหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ในการประมูล 3G ในครั้งนี้ว่า ให้เอกชนประมูลได้รายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ เท่ากัน (คือคนละไม่เกิน 3 ก้อน) ซึ่งอาจทำให้เอกชนทั้ง 3 ราย (Ais, Dtac, True Move) สามารถได้รับการประมูลโดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันประมูลแต่อย่างใดในทางปฏิบัติ ซึ่งอาจขัดกับหลักการประมูลที่แท้จริง เพราะเท่ากับว่าการประมูลไม่ได้เกิดขึ้นจริง (เพราะเอกชนมีเพียงแ่ค่ 3 ราย)

นอกจากนี้ ยังกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลที่ 4,500 ล้าน ต่อ 5 เมกะเฮิรตซ์ (1 ก้อน) โดยกำหนดราคาต่ำไปจากเดิมที่ กสทช. เคยให้จุฬ่าฯ ประเมินราคาไว้, ถ้ามีการตกลงกันของเอกชนทั้ง 3 ราย ก็สามารถเป็นเจ้าของใบอนุญาตได้รายละแค่ 4,500 ล้าน x 3 = 13,500 บาท เท่านั้น หรือเพื่อไม่ให้น่าเกลียดก็อาจมีการขยับให้มีการประมูลรายละประมาณ 20,000 ล้านบาทก็ไม่เสียหายอะไร

ประเด็นที่ 2 ก่อนหน้านี้ AIS, DTAC, True Move มีสัญญาสัมปทานกับรัฐ คนละใบ และจ่ายค่าภาษีสัมปทานแก่รัฐปีละหลายพันล้านบาทตามตารางด้านล่างนี้ (หน่วย: ล้านบาท)
สัญญาสัมปทาน
AIS เหลืออีก 3 ปี ที่ต้องจ่ายภาษีสัมปทานให้แก่รัฐปีละ 20,000 กว่าล้านบาท รวมประมาณกว่า 70,000 ล้านบาท สัญญาสัมปทาน
DTAC เหลืออีก 5 ปี ที่ต้องจ่ายภาษีสัมปทานให้แก่รัฐปีละ 10,000 กว่าล้านบาท รวมประมาณกว่า 70,000 ล้านบาท
(AIS มีส่วนแบ่งการตลาด 53%, DTAC มีส่วนแบ่งการตลาด 33% ส่วน True Move มีส่วนแบ่งการตลาด 14% )

เท่ากับว่าการประมูล 3G ครั้งนี้ เอกชนทั้ง 3 ราย อาจได้รับใบอนุญาต 3G โดยจ่ายแค่ประมาณ 13,500-30,000 ล้านบาท ได้สบายๆ โดยได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะเมื่อได้ใบอนุญาตแล้วไม่ต้องจ่ายภาษีสัมปทานรายปีให้แก่รัฐอีกต่อไป
และใบอนุญาตใหม่ มีอายุ 15 ปี! แถมจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีต่ำกว่าส่วนแบ่งรายได้สัมปทานแบบเก่า!
ประมูลครั้งนี้ เอกชนจึงเหมือนได้ของฟรี แถมยังสามารถเก็บเงินหากินกับผู้ใช้ 3G ไปอีก 15 ปี รวยไม่มีที่สิ้นสุด, ขอแสดงความยินดีด้วยคะ


เอาง่าย ๆ ว่า เงินสัมปทานที่รัฐได้จากการประมูลครั้งนี้ ประมาณ 42,000 ล้านบาท อายุสัมปทาน 15 ปี เฉลี่ยผู้ให้บริการต้องส่งรายได้ให้รัฐปีละประมาณ 2,800 ลบ. หรือเฉลี่ยเดือนละ 233 ลบ.

ส่วนรายได้ของผู้ให้บริการ คิดแบบคร่าว ๆ จำนวนเลขหมายโทรฯเคลื่อนที่ขณะนี้ประมาณ 50 ล้านเลขหมาย (รวมทุกเจ้า) เฉลี่ยรายได้ต่อเลขหมายประมาณ 200 บาท คิดเป็นเงินรายได้ 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน จ่ายสัมปทานเดือนละ 233 ล้านบาท หรือประมาณ 2% ของรายได้เท่านั้น

แล้วทำไมในอดีตที่ผ่านมา
ผู้ให้บริการทุกรายรวมกันสามารถส่งเงินส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐได้ปีละกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
หรือเดือนละกว่า 3พันล้านบาท โดยผู้ให้บริการก็ยังมีผลกำไรจากการดำเนินงานทุกๆปี
เงินส่วนต่างตรงนี้ หายไปไหน ใครได้ประโยชน์ ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามีการรู้เห็นเป็นใจกันหรือไม่
ในหมู่ผู้ได้ประโยชน์ ผู้เข้าร่วมประมูล เหมือนสมรู้ร่วมคิดกันมาก่อน และอาจรวมถึงจนท.ของรัฐที่ออกกฏเกณฑ์เอื้อประโยชน์ผู้ประมูล (แต่ไม่คิดถึงผลประโยชน์ของชาติ) ขนาดนี้






วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กระเป๋าchanel ชาแนล ก๊อป

กระเป๋าก็อป Chanel มือ 1 ราคาถูกคะ


กว้าง 8 นิ้ว ขาย ราคา 700 พร้อมส่ง EMS

สั่งวันนี้ ได้ของ ไม่เกิน 2 วันคะ

ติดต่อมาได้เลยคะ






วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ชัยทัวร์

บริษัท: ชัยทัวร์ จำกัด


(ENG): CHAI TOUR CO,,LTD.

ที่อยู่: 297 NARADHIWAS 24

ถนน: NARADHIWAS

ตำบล/แขวง: YANNAWA

อำเภอ/เขต: ยานนาวา-สาธร

จังหวัด: กรุงเทพๆ

รหัสไปรษณีย์: 10120

เว็บไซค์: www.chaitour.co.th

เบอร์โทรศัพท์: 022128431

Fax: 022110119

มือถือ: 0896858897 (วา)
ติดต่อ คุณ เต้ย อี๊ด วา อ้น จูน     เที่ยว สบาย สบาย กินดี อยู่ดี บริการดี เต็มคุณภาพ สมราคา

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

เที่ยวราคาถูก บริการดี

อาบน้ำแร่เมืองระนอง


เดินทาง : ศุกร์ที่ 21- อาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555
1) ศุกร์ที่ 21 กันยายน 2555 กรุงเทพ – ชุมพร

06.00 น. พร้อมกันที่ หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ริมถนนอังรีดูนังต์

เจ้าหน้าที่ชัยทัวร์คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

06.30 น. ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ พร้อมห้องสุขภัณฑ์สู่ จังหวัดชุมพร ประตูสู่เมืองใต้แดนสยาม

 บริการอาหารเช้า เครื่องดื่ม และผลไม้ / ทักทายสนทนาตามประสาคนกันเอง

ถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำท่านชมทิวทัศน์บริเวณ อ่าวมะนาว ภายในกองบิน 53 ฟังเรื่องราว วีรกรรมเมื่อครั้งสถานที่แห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างกองทัพไทย และกองทัพญี่ปุ่นในปี พ.ศ.2484 ชมอนุสาวรีย์วีรชนรูปทหารอากาศในชุดนักบินยืนอยู่บนใบพัด เครื่องบินถือธงหันหน้าออกทะเล และแท่งหินขนาดใหญ่แกะสลักจำลองฉากการต่อสู่ระหว่างไทย กับญี่ปุ่น จากนั้นไปชมความน่ารักของ ค่างแว่น ซึ่งอาศัยอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 53

เที่ยง อาหารกลางวันที่ ห้องอาหาร

บ่าย ชม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อม สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน รวมถึงประชาชน ทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากนั้นเดินทางสู่ วัดแก้วประเสริฐ ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า วัดเจ้าแม่กวนอิม สร้างขึ้นบนเนินเขาริมชายทะเลมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขายอดเว้าแหว่งยื่นลงไป ในทะเลสวยงามดั่งภาพเขียน หลวงพ่อจง เจ้าอาวาสได้ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างแบบไทยและจีน ไว้มากมายสำหรับให้ผู้คนได้มาสักการะ สิ่งที่เป็นจุดเด่นคือ พระนาคปรก 9 เศียร สูง 9.99 เมตร และพระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งทะเลใต้สูง 9.99 เมตร นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถสีทอง รูปปั้นพระอรหันต์ไทย-จีน รูปปั้นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ของโบราณและมีภาพเขียนให้ชมอีกด้วย

เดินทางเข้าสู่จังหวัดชุมพรนำท่านเข้าที่พัก โรงแรม A – Te’

ค่ำ อาหารค่ำที่ ครัวพริกหอม

พักผ่อนตามอัธยาศัย...ราตรีสวัสดิ์
 อาบน้ำแร่เมืองระนอง

2) เสาร์ที่ 22 กันยายน 2555 ชุมพร – ระนอง

อาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

เช้า เดินทางสู่ จังหวัดระนอง ผ่าน คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ ส่วนที่แคบสุดของแหลมมาลายูสามารถ มองเห็นพื้นที่ฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน ลองลิ้มชิมรสซาลาเปาขึ้นชื่อของจังหวัดระนอง

ถึงตัวเมืองระนองชมตึกโบราณสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ และชม พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) พระราชวังที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอนุสรณ์การเสด็จประทับแรม ณ จังหวัดระนอง ของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ.2433 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ.2452 และพระบาท - สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในปี พ.ศ.2471 นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง ของจังหวัดระนอง

เทียง อาหารกลางวันที่ ห้องอาหาร

บ่าย สักการะ ศาลหลักเมืองระนอง เป็นศาลหลักเมืองที่มีความสวยงามและเป็นที่เคารพสักการะ ของชาวระนอง ซึ่งทางเทศบาลเมืองระนองได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 ณ บริเวณที่เคยเป็นบ้านพักของพระยารัตนเศรษฐีเจ้าเมืองระนอง ตั้งอยู่ริมคลองหาดส้มแป้น จากนั้นเดินทางสู่ วัดหาดส้มแป้น สักการะรูปหล่อหลวงพ่อคล้ายพระภิกษุสงฆ์ที่ประชาชนภาคใต้ให้ความเคารพนับถือ ซึ่งท่านได้มา จำพรรษาและมรภาพที่วัดแห่งนี้ ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันสร้างรูปหล่อของท่าน เพื่อให้คนในพื้นที่ หรือผู้ที่มาท่องเที่ยวเมืองระนองได้มีโอกาสมากราบไหว้บูชา นอกจากนี้ที่นี่ยังมียังมีปลาพลวงหรือพวง ซึ่งถือว่าเป็นปลาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในคลองบริเวณวัดปลาชนิดนี้ไม่นิยมนำไปรับประทาน เพราะเชื่อกันว่าเป็นปลาเทพเจ้า และที่สำคัญคือปลาชนิดนี้จะมีพิษสะสมในตัวปลาด้วยหากนำไปรับประทาน อาจเกิดเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

นำท่านสัมผัสน้ำแร่ธรรมชาติที่ สยามฮอทสปา แช่น้ำแร่ธรรมชาติเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า และช่วยขับสารพิษ คืนความสดใสสดชื่นให้ผิวพรรณ พร้อมสุขภาพที่ดีให้ร่างกาย และต่อด้วยการ ผ่อนคลายเนื้อด้วยบริการนวดฝ่าเท้าท่านละ 45 นาทีแบบสบายๆ

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก โรงแรมทินีดี

ค่ำ อาหารกลางค่ำที่ ห้องอาหาร

พักผ่อนตามอัธยาศัย...ราตรีสวัสดิ์






 อาบน้ำแร่เมืองระนอง



3) อาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555 ระนอง – กรุงเทพฯ

อาหารเช้าที่ โรงแรม

เช้า อำลาเมืองระนอง แวะสักการะ ศาลพ่อตาหินช้าง และเลือกซื้อของฝาก อาทิเช่น กล้วยเล็บมือนาง กล้วยตาก ผลไม้ และขนมต่างๆ จากนั้นเดินทางสู่ หาดบ้านกรูด ชม พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ประติมากรรมอันงดงามกลางเขาธงชัย เป็นผลงานการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดย ม.ร.ว.มิตรวรุณ เกษมศรี ศิลปินแห่งชาติ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสครองราชย์ครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสักการะ พระพุทธกิติสิริชัย ซึ่งคณะสงฆ์ร่วมกับชาวบ้านสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาส ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ โดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกประธานนามถวาย

เที่ยง อาหารกลางวันที่ ร้านป้าหนู

บ่าย เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ แวะซื้อของฝากระหว่างทางตามความเหมาะสม

19.00 น. ถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ รถจอดที่ หน้าคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ริมถนนพญาไท

 กลับบ้านด้วยความสนุกสนานและประทับใจยิ่ง



หมายเหตุ กำหนดการนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างตามเหตุการณ์และความเหมาะสม



 อัตราค่าบริการ ท่านละ 6,800 บาท / เด็ก 5,100 บาท(อายุ 4 – 11 ปี พักเตียงเสริม)

พักเดี่ยวเพิ่ม 1,200 บาท / พักเสริมลด 300 บาท(เฉพาะท่านที่ 3)



 บริการที่จัดให้ 1. รถโค้ชปรับอากาศท่องเที่ยวตามรายการ / 2. ที่พักตามรายการ ห้องพักละ 2 ท่าน

3. อาหารจัดเลี้ยง พร้อมอาหารว่างว่าง เครื่องดื่มและผลไม้

4. ทุนประกันอุบัติเหตุ ในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท

- วงเงินค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุท่านละ 500,000 บาท

5. ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการ

6. มัคคุเทศก์และทีมงานที่เข้มแข็งจากชัยทัวร์



 อัตรานี้ไม่รวม 1. ค่าอาหารและเครื่องดื่มนอกเหนือจากรายการ

2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์ , ค่ามินิบาร์ , ค่าซักรีด

3. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %



 สำรองการเดินทาง : โทร. 0 2212 8431 ต่อ 114 - 119 (เก่ง, อี๊ด, จูน)

โทรสาร. 0 2211 0119 E-mail : domestic@chaitour.co.th

จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 น. – 17.30 น.





 ชำระค่าบริการผ่านธนาคาร บัญชีออมทรัพย์ชื่อ นาย ชัยธวัชว์ ไทยง

ธนาคารกสิกรไทย สาขายานนาวา เลขที่ 013–2–52992–2

หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางรัก เลขที่ 054–2–28974–6